พี่โชเฟอร์ของเราก็เปลี่ยนบุคลิกทันที วันนั้นดิฉันจำได้ว่านั่งอยู่ตรงเบาะหลังคนขับเลยกลาย เป็นผู้สังเกตการณ์ชั้นดีไปในตัว
พอรถเลี้ยวเข้าถนนใหญ่เท่านั้นพี่โซเฟอร์แกก็สะบัดหัว ครั้งหนึ่ง ทำอาการเหมือนกับนักวิ่งที่กำลังจะเข้าลู่วิ่ง เตรียมรอเสียงปีนยังไงบังงั้นเสียงกระดูคอพี่แกลั่นตังกร๊วบ ก่อนเหลือบสายตามอง กระจกในรถดูผู้โดยสารภายใน เหมือนกับจะเป็นสัญญาณ ที่พี่แกคงคิดว่าทำกับผู้โดยสารเอาไว้แล้วยังงั้นหละ เสียง เหยียบตันเร่งที่เพิ่มรอบก็ตังขึ้นเครื่องรถที่ก่อนหน้านี้เสียงตังเป็นปกติฮือๆก็เริ่มเปลี่ยนเสียง เป็นฮึมๆ ก่อนจะฮึมๆๆๆ แล้วก็ฮืมมมมมมม สุดๆสระน้ำเด็กเคลื่อนที่ ไปเลย แต่ละครั้งที่พี่แกต้องเปลี่ยนเกียร์เพิ่มรอบผู้โดยสารที่หน้า ตาสดใสชื่นบานเพราะเป็นยามเข้า ก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าไป ตามจังหวะรอบของเกียร์พร้อมกันนั้น ชั้นตอนการที่คนขับต้องเหยียบคลัซเพี่อ เปลี่ยน เกียร์แต่ละครั้งก็โขยกพอให้คนนั่งในรถต้องเขย่า ตามจังหวะสะดุดของเกียร์ไปด้วยดิฉันเริ่มเห็นอาการที่ไม่ปกติ รีบยื่นสองมือออกไปจับ เอาคอนโซลหลังคนขับเอาไว้แบบหลวม ๆ ตอนแรกคิดแค่ ว่า ไอ้หนุ่มคนนี้คงแค่คะนองสระว่ายน้ำเด็กราคาถูกไปหน่อยเท่านั้น เมื่อรถวิ่ง ลักระยะแรงเร่งคงลดลงเป็นปกติแต่เปล่าเลยค่ะ ผิดคาด รถยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ และ เรื่อยๆ เข็มหน้าปัด ขยับจาก 60 เป็น 80 เป็น 100 เป็น120 ก่อนจะขยับขึ้นลง 120 130 อาจจะลดกลับลงมาที่ 120 แล้ววกขึ้นไปกระทั่งถึง 140 ซึ่งเวลานั้นดิฉันคิดในใจได้ อย่างเดียวเลยว่าคันเร่งคงจมตีนมันแล้วใครจะเปีนอะไรดิฉันอาจหารู้ไม่ แต่ที่แน่ๆ สำหรับดิฉัน แล้วเหลียวมองออกไปนอกรถความจริงแล้วก็น่าจะเป็นเรื่อง น่าภาคภูมิใจคือ เราไม่เห็นรถคันไหนแซงคันที่เรานั่งมันสระน้ำเป่าลมเด็กโต ได้เลยมิแต่เราที่แซงเขาทิ้งห่างออกไปเรื่อย ๆ โซเฟอร์ปัดไป เลี้ยวขอทางออกเลนนอกตั้งแต่ยังเข้าเกียร์ยังไม่ทันไรเลย เป็นอันว่ารถตู้คันที่ดิฉันโดยสารมา วิ่งเลนนอกด้วยความเร็ว ไม่ตากว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจากความรู้สึกทันใจในระยะแรกเริ่มกลับกลายเป็นความรู้ สึกสงสัยในเวลาต่อมา และจากความสงสัยในเวลาต่อมา นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดระแวง ต่อมาความหวาด ระแวงนั้นก็ปรับลีมิตมาสู่ความกลัวในที่สุดดิฉันพูดได้เลยค่ะ ว่ากลัวที่สุดในชีวิต ตั้งแต่เคยนั่งรถ มาก็ครั้งนี้ละคะ ที่คิดว่าสุดๆ
สระน้ำเด็ก
พอรถเลี้ยวเข้าถนนใหญ่เท่านั้นพี่โซเฟอร์แกก็สะบัดหัว ครั้งหนึ่ง ทำอาการเหมือนกับนักวิ่งที่กำลังจะเข้าลู่วิ่ง เตรียมรอเสียงปีนยังไงบังงั้นเสียงกระดูคอพี่แกลั่นตังกร๊วบ ก่อนเหลือบสายตามอง กระจกในรถดูผู้โดยสารภายใน เหมือนกับจะเป็นสัญญาณ ที่พี่แกคงคิดว่าทำกับผู้โดยสารเอาไว้แล้วยังงั้นหละ เสียง เหยียบตันเร่งที่เพิ่มรอบก็ตังขึ้นเครื่องรถที่ก่อนหน้านี้เสียงตังเป็นปกติฮือๆก็เริ่มเปลี่ยนเสียง เป็นฮึมๆ ก่อนจะฮึมๆๆๆ แล้วก็ฮืมมมมมมม สุดๆสระน้ำเด็กเคลื่อนที่ ไปเลย แต่ละครั้งที่พี่แกต้องเปลี่ยนเกียร์เพิ่มรอบผู้โดยสารที่หน้า ตาสดใสชื่นบานเพราะเป็นยามเข้า ก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าไป ตามจังหวะรอบของเกียร์พร้อมกันนั้น ชั้นตอนการที่คนขับต้องเหยียบคลัซเพี่อ เปลี่ยน เกียร์แต่ละครั้งก็โขยกพอให้คนนั่งในรถต้องเขย่า ตามจังหวะสะดุดของเกียร์ไปด้วยดิฉันเริ่มเห็นอาการที่ไม่ปกติ รีบยื่นสองมือออกไปจับ เอาคอนโซลหลังคนขับเอาไว้แบบหลวม ๆ ตอนแรกคิดแค่ ว่า ไอ้หนุ่มคนนี้คงแค่คะนองสระว่ายน้ำเด็กราคาถูกไปหน่อยเท่านั้น เมื่อรถวิ่ง ลักระยะแรงเร่งคงลดลงเป็นปกติแต่เปล่าเลยค่ะ ผิดคาด รถยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ และ เรื่อยๆ เข็มหน้าปัด ขยับจาก 60 เป็น 80 เป็น 100 เป็น120 ก่อนจะขยับขึ้นลง 120 130 อาจจะลดกลับลงมาที่ 120 แล้ววกขึ้นไปกระทั่งถึง 140 ซึ่งเวลานั้นดิฉันคิดในใจได้ อย่างเดียวเลยว่าคันเร่งคงจมตีนมันแล้วใครจะเปีนอะไรดิฉันอาจหารู้ไม่ แต่ที่แน่ๆ สำหรับดิฉัน แล้วเหลียวมองออกไปนอกรถความจริงแล้วก็น่าจะเป็นเรื่อง น่าภาคภูมิใจคือ เราไม่เห็นรถคันไหนแซงคันที่เรานั่งมันสระน้ำเป่าลมเด็กโต ได้เลยมิแต่เราที่แซงเขาทิ้งห่างออกไปเรื่อย ๆ โซเฟอร์ปัดไป เลี้ยวขอทางออกเลนนอกตั้งแต่ยังเข้าเกียร์ยังไม่ทันไรเลย เป็นอันว่ารถตู้คันที่ดิฉันโดยสารมา วิ่งเลนนอกด้วยความเร็ว ไม่ตากว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจากความรู้สึกทันใจในระยะแรกเริ่มกลับกลายเป็นความรู้ สึกสงสัยในเวลาต่อมา และจากความสงสัยในเวลาต่อมา นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดระแวง ต่อมาความหวาด ระแวงนั้นก็ปรับลีมิตมาสู่ความกลัวในที่สุดดิฉันพูดได้เลยค่ะ ว่ากลัวที่สุดในชีวิต ตั้งแต่เคยนั่งรถ มาก็ครั้งนี้ละคะ ที่คิดว่าสุดๆ
สระน้ำเด็ก